โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จากนักเตะแมนฯ ยู สู่ กุนซือ(ชั่วคราว) ปีศาจแดง

หลังจากที่แมนฯ ยู ได้เปิดบ้านพ่ายให้แก่ สเปอร์ ไป 1 – 6 ประตูนั้น แอดล่ะเป็นห่วงนายใหญ่ของแมนฯ ยู เหลือเกิน โซลชาร์ เพิ่งจะได้เข้ารับสัญญาถาวรเป็นระยะเวลา 3 ปี ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่จดจำเสียแล้วในฐานะกุนซือ

วันนี้แอดไม่ได้จะมาคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่จะมาย้อนรอยประวัติของกุนซือคนเก่งคนนี้ กว่าที่เขาจะได้มาถึงตำแหน่งนี้ถือว่าก็ใช้เวลาพอสมควร อีกทั้งเขายังได้เคยเป็นอดีตศูนย์หน้าขวัญใจสาวกปีศาจแดงมาก่อนซะด้วย ถึงขนาดได้รับฉายาว่า “เพชรฆาตหน้าทารก”

จุดเริ่มต้นของ โซลชาร์

เกิดที่เมือง คริสเตียนซุนด์ ประเทศ นอร์เวย์ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1973 ปัจจุบันอายุ 47 ปี โดยเริ่มต้นเล่นฟุตบอลเป็นเพียงงานอดิเรกกับสโมสร เคลาเซเนนเก้น ทีมระดับดิวิชั่น 3 ของ นอร์เวย์

ก่อนจะโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงจนกระทั่งถูก โมลด์ ทีมในลีกสูงสุดของ นอร์เวย์ ดึงตัวเข้าไปร่วมทัพเมื่อปี 1995 จนกระทั่งถูกเรียกตัวไปติด ทีมชาตินอร์เวย์(ชุดใหญ่) ในตอนนั้นด้วยความสมารถที่โดดเด่นทำให้รับฉายาว่า “อลัน เชียร์เรอร์ แห่งนอร์เวย์”

วิ่งไปสู่เส้นทางแห่งความฝัน

เข้าไปสู่ช่วงซัมเมอร์ของปี 1996 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เห็นแววของ โซลชาร์ ตัดสินใจเปิดกระเป๋าซื้อตัวมาด้วยมูลค่า 1.5 ล้านปอนด์ จาก โมลด์ และเขาก็ได้ระเบิดฟอร์มออกมาได้อย่าน่าประทับใจตั้งแต่ฤดูกาลแรกเลยทีเดียว

ด้วยการ ถล่มสกอร์ในลีกนั้นไปถึง 18 ประตู พร้อมกับรั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีมมาครอง อีกทั้งยังช่วยซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจบซีซั่น 1996/97อีกด้วย

จากผลงานอันร้อนแรงสุดประทับใจนี่เองทำให้เหล่าบรรดาสาวกปีศาจแดงตั้งฉายาให้เขาว่า “เพชรฆาตหน้าทารก” แต่แล้วผลงานทลายประตูของเขากลับเริ่มไม่ต่อเนื่อง

ทำให้ เฟอร์กูสัน ต้องทุ่มเงินไปดึงตัวนักเตะซุปตาร์อย่าง ดไวท์ ยอร์ค เข้ามาร่วมทัพ จากนั้นก็มีข่าวลืออกมาว่า โซลชาร์ อาจจะโบกมือลาจากแมนฯ ยู

แต่เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องที่จะบั่นทอนกำลังของนักเตะคนเก่งคนนี้ได้ เขาตัดสินใจไปต่อกับแมนฯ ยู อยู่ท้าชิงตำแหน่งตัวจริงต่อไป จนเขาได้ชื่อขึ้นมาใหม่ในฐานะ “หัวหอกซูเปอร์ซับ”

ด้วยการยิงประตูที่สำคัญ ๆ ได้บ่อยครั้งจากการลงเป็นตัวสำรอง โดยเฉพาะนัดที่เจ้าตัวซัดคนเดียวไปถึง 4 ประตูภายใน 12 นาที (เอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 8-1) จนสร้างสถิติใหม่ของฟุตบอลอังกฤษขึ้นมา

สถานการณ์สร้างตำนาน

ก่อนที่แมนฯ ยู จะคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ เมื่อปี 1998 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้รับการทาบทามมาจาก ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ด้วยค่าตัวถึง 5.5 ล้านปอนด์ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งสองสโมสรตกลงกันได้ด้วยดี แต่อยู่ ๆ เฟอร์กูสัน กลับได้โน้มน้าวให้ โซลชา อยู่สู้กับทีมต่อไป

“ผู้จัดการทีมเรียกผมเข้าไปที่ออฟฟิศ เขาบอกว่าทั้ง 2 สโมสรได้ตกลงร่วมกันแล้ว แต่เขาไม่ต้องการให้ผมย้ายไป เขาบอกว่าผมยังเป็นส่วนสำคัญในทีมของเขา และยังบอกอีกด้วยว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างเรา 2 คน” อดีตศูนย์หน้าปีศาจแดงได้กล่าว

“หากเขาบอกว่า ‘เสียใจด้วยที่ต้องเห็นคุณย้ายไป ขอให้โชคดีกับอาชีพค้าแข้ง’ ผมก็อาจจะย้ายไปแล้ว แต่เขาต้องการให้ผมอยู่ต่อ ดังนั้นผมจึงไม่ได้เซ็นสัญญาลงไปในเอกสารที่แฟ็กซ์มา”

นั่นจึงทำให้เขาอยู่ค้าแข้งต่อในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด และเขายังมีส่วนสำคัญในหลาย ๆ นัดในการสร้างตำนาน ทริปเปิ้ลแชมป์ ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้เขามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า เฟอร์กูสัน เลย

หยุดเส้นทางค้าแข้ง

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้ประกาศแขวนสตั๊ดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่จบฤดูกาล 2006/07 พร้อมกับทำสถิติลงสนามรับใช้ “ปีศาจแดง” ไปทั้งหมดรวมทุกรายการ 366 เกม ยิงได้ 126 ประตู ปิดฉากการค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยเวลาอันยาวนานถึง 11 ปี

สู่เส้นทางความฝันครั้งใหม่

หลังจากที่โซลชาร์ประกาศแขวนสตั๊ดแล้ว เขาได้รับหน้าที่ไปเป็น โค้ชศูนย์หน้าให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนจะถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็น ผู้จัดการทีม ชุดสำรอง (ทีมสำรอง U23)

เขาได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจโดยที่พา แมนฯ ยู ทีมสำรอง U23 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สำรอง 1 สมัย, แชมป์ พรีเมียร์ลีก สำรองตอนเหนือ 1 สมัย, แชมป์ แลนคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ 1 สมัย และแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ อีก 1 สมัย

จากที่ส้รางผลงานได้โดนเด่นในบทบาทของผู้จัดการทีมชุดสำรองของแมนฯ ยู แล้ว ในปี 2010 -2014 โซลชาร์เริ่มที่จะคุมทีมชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยการเป็นกุนซือให้กับอดีตต้นสังกัดอย่าง โมลด์ และก็ทำผลงานได้ไม่ผิดหวังด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัย รวมไปถึงซิวถ้วย นอร์เวย์ คัพ มาได้อีก 1 รายการ

บททดสอบก่อนคืนถิ่น

ในช่วงปี 2014 โซลชาร์ได้ย้ายเข้ามาคุมทีม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ พร้อมกับต้องแบกรับภาระกิจในการช่วยให้ต้นสังกัดให้อยู่รอดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013/14 แต่แล้วก็ไม่สำเร็จในฤดูกาลนั้น คาร์ดิฟฟ์ ตกชั้นด้วยอันดับสุดท้ายของตาราง

หลังจากนั้นผลงานก็ไม่กระเตื้องขึ้น ไม่รู้ว่าเขาหมดกำลังใจที่จะขุนหรือเปล่าไม่รู้ได้ ทำให้ให้ช่วงปลายปี 2014 เขาโดนเด้งจากตำแหน่งกุนซือ และกลับไปรับงานคุมทีม โมลด์ อีกครั้งในช่วงเดือน ตุลาคม ปี 2015

กลับคืนสู่ถิ่นเก่าโอลด์ แทรฟฟอร์ด

ในปี 2019 หลังจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ทำผลงานเป็นที่น่าผิดหวังโดยเฉพาะนำทีมพ่ายแพ้ต่อทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ในศึก “แดงเดือด” ที่ไปเยือนสนาม แอนฟิลด์ แบบไร้ทางสู้จบด้วยสกอร์ 1-3 จึงโดนเด้งออกไป และ โซลชาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้จัดการทีม ชั่วคราวของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปจนจบฤดูกาล 2018/19

ซึ่งในขณะที่เขาเข้ามารับงานด่วนร้อนจี๋ขนาดนี้ เขากลับสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับ โดยได้พาทีมไปเก็บชัยชนะได้ถึง 14 นัด เสมอ 2 และแพ้เพียงแค่ 3 นัด พร้อมยิงได้ 40 และ 17 ประตู

สร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ตคุมทีมชนะ 6 นัดติดต่อกัน, สามารถพาทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 14 นัด หลุดเสมอ 2 และแพ้เพียงแค่ 3 นัด พร้อมยิงได้ 40 และ 17 ประตู สร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ตคุมทีมชนะ 6 นัดติดต่อกัน

ด้วยผลงานดังกล่าวนี้เองทำให้เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากนักวิจารย์ รวมถึงบรรดาสาวก เร้ด อาร์มี่ ต่างออกมาเรียกร้องให้สโมสรยื่นสัญญาถาวรให้กับเขา ท้ายที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี 2019 เขาก็ได้ตวัดปากกาลงหมึกรับสัญญาถาวรเป็นระยะเวลา 3 ปี ด้วยค่าเหนื่อย 7.5 ล้านปอนด์ต่อปี

สัญญาณตำแหน่งกุนซือเริ่มไม่ดี

แต่ว่าหลังจากที่เขาได้รับสัญญาถาวร ผลงานการคุมทีมกลับตตรงข้าม ด้วยผลงานที่ย่ำแย่ทำให้มีกระแสความกดดันพุ่งเข้ามาใส่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์อย่างไม่หยุดหย่อน รวมถึงประเด็นที่เขาตัดสินใจปล่อย โรเมลู ลูกากู หัวหอกชาวเบลเยียม และ อเล็กซิส ซานเชซ ออกจากทีม โดยที่ยังหาใครมาแทนไม่ได้

จากผลงานที่เอาแน่เอานอนของเขาไม่ได้เรียกได้ว่า 3 วันดี 4 วันไข้ กันเลยทีเดียว จึงโดนกระแลจากบรรดาแฟนบอลบางส่วนออกมาเรียกร้องให้สโมสรปลดเขาออกจากตำแหน่ง แต่ทีมบริหารยังมั่นใจในตัวเขาอยู่ ยังให้โอกาสเขาในการพิสูจน์ผลงานต่อไป

สถานการณ์ที่เริ่มคับขันเริ่มีจุดเปลี่ยนอีกครั้งสำหรับเขาคือ การที่ทีมคว้าตัว บรูโน เฟอร์นันเดส กองกลางชาวโปรตุเกส มาจาก สปอร์ติง ลิสบอน และเฟอร์นันเดส ก็ได้สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทันที มาเป็นแสงสว่างให้กับทัพปีศาจแดงได้เป็นอย่างดี ทำให้ฤดูกาลนี้ แมนฯ ยู สามารถที่จะเข้าป้ายในอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ

แต่เมื่อเขาสู่ฤดูกาลใหม่ 2020 นี้ เพียงแต่ต้นฤดูกาล ผลงานอันย่ำแย่ของ “ปีศาจแดง” ในตอนนี้ด้วยการลงสนาม 3 เกม ชนะเพียงแค่หนึ่งเกม และแพ้ไปแล้วถึงสองนัด ซึ่งในนัดที่เปิดบ้านรับการพ่ายแพ้จากการมาของไก่เดือยทองไปอบ่างเละเทะ 1 – 6 ประตู

แน่นอนว่านัดสุดย่ำแย่นี้ทำให้กุนซือชาวนอร์เวย์ คนเก่งคนนี้กลับกลายเป็นเต็ง 1 ที่มีสิทธิ์จะโดนไล่ออกเป็นคนแรกในซีซั่น 2020/21 เพราะล่าสุด ร้านรับพนันเมืองผู้ดีต่างปรับราคาของ นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะตกงาน ลงมาที่แทง 1 จ่าย 1 นั่นเท่ากับว่ามีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด

สรุป

งานนี้ต้องมาจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดชนิดติดขอบสนามโอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะทำให้สาวก “เร้ด อาร์มี่” กลับมาประทับใจอย่างที่เคยทำไว้ในสมัยที่ยังเป็นนักเตะ และมัยเมื่อครั้งที่ได้มาคุมทีมครั้งแรกได้หรือไม่ แอดหล่ะเอาใจช่วยจริง ๆ แต่ตอนนี้ยังเป็นแค่ช่วงต้นของฤดูกาลที่ยาวไกล กุนซือชาวนอร์เวยร์คนเก่งคงจะไม่โดนเด้งไปก่อนที่จะหมดโอกาสในการแก้เกม และแก้ตัวนะ สามารถติดตามดูบทความดี ๆ อัพเดทกันทุกวันได้ที่ Medetc

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on whatsapp
WhatsApp
Share on email
Email

บทความที่เกี่ยวข้อง

Darüber hinaus bieten verschiedene Apps Bonusfunktionen, die zu besseren Gewinnmöglichkeiten führen. ist nicht Das ermöglicht eine rasche und problemlose Incorporation in den Online-Glücksspielmarkt. beste online Die Seite wird multilingual betrieben und junge anderem in jeder russischen Sprache angeboten. den link Als dieses Issue bekannt wurde, wurden diese Spiele unverzüglich aus der Angebots-Palette herausgenommen. vulkan vegas